ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองความเป็นส่วนบุคคลสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
(ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ประกาศ”) ฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม การใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

1.ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานของบริษัทภายใต้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ และภายใต้ขอบเขตและวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคลที่จำเป็นดังต่อไปนี้

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดข้อมูล
ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน

1.   

ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล เช่น  ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ สัญชาติ เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หรือข้อมูลยืนยันตัวตนอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้ บริษัทที่ท่านทำงานให้หรือจ้างงานท่าน ลายมือชื่อ (รวมถึงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์) ข้อมูลประเภทคู่ค้า ภาพถ่าย ภาพหรือบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) (โปรดดูรายละเอียดการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลจากการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิดใน“ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิด” ได้ที่ https://www.washxpressth.com/

2.   

ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล บัญชีสื่อสังคมออนไลน์

3.   

ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชีธนาคารและข้อมูลทางธนาคาร ข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน เลขที่บัตรเครดิต และชื่อผู้ถือบัตร และรายละเอียดของบัตรเครดิต

4.   

ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น ข้อมูลที่ท่านให้แก่บริษัท ตามที่ปรากฏในสัญญา แบบฟอร์ม แบบสำรวจ หรือข้อมูลตามเอกสารประกอบธุรกรรม ข้อมูลรายงานการประเมินผู้ขาย/ผู้ให้บริการประจำปี ข้อมูลรายละเอียดตามเอกสารการเสนอราคาตามโครงการต่างๆ

5.   

ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลการสื่อสารทางอีเมล ข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP address ของคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกัน ข้อมูลเบราว์เซอร์และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ของบริษัท เช่น ประวัติในการเยี่ยมชม ค้นหา และปฏิสัมพันธ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับเว็บไซต์ของบริษัท

ทั้งนี้ ในกรณีที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อเข้าทำสัญญา หรือเพื่อให้บริษัทดำเนินการตามกฎหมาย บริษัทอาจปฏิเสธการดำเนินการใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การทําธุรกรรมใดๆ ระหว่างท่านกับบริษัท การซื้อขายสินค้า และ/หรือบริการ การเรียกรับสินค้าและ/หรือบริการ การตรวจรับสินค้าและ/หรือบริการ

2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ และตามฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

วัตถุประสงค์ ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1.   

เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนดไว้สัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การดำเนินธุรกรรมทางธุรกิจกับท่าน การเช่า และ/หรือ การเช่าช่วง การซื้อขายสินค้า และ/หรือ บริการ การเรียกรับสินค้า และ/หรือ บริการ การตรวจรับสินค้า และ/หรือ บริการ การประเมินผลการปฏิบัติงาน การชำระเงิน การออกใบแจ้งหนี้ การติดตามทวงหนี้

•   การปฏิบัติตามสัญญา
•   ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

2.   

เพื่อบริหารจัดการการติอต่อสื่อสารทางธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และ/หรือ การบริการ การปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงการจัดการข้อสงสัย คำขอ หรือข้อร้องเรียนต่างๆ

•   การปฏิบัติตามสัญญา
•   ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

3.   

เพื่อการคัดเลือกคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การพิสูจน์ตัวตน หรือสถานะทางธุรกิจ หรือ การประเมินความเหมาะสม ร่วมถึงตรวจสอบคุณสมบัติ และ/หรือ ความเสี่ยงในการร่วมธุรกิจ

•   การปฏิบัติตามสัญญา
•   ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

4.   

เพื่อปรับปรุงคุณภาพการปฏิบัติงานและบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การทำฐานข้อมูล วิเคราะห์และพัฒนากระบวนการดำเนินงานของบริษัท การพัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและบริการ

•   การปฏิบัติตามสัญญา
•   ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

5.   

เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด การทำวิจัย การวิเคราะห์ การสำรวจทางการตลาด การจัดทำข้อมูลสถิติ การนำเสนอสินค้า รวมถึงการพัฒนาแผนทางธุรกิจ

•   การปฏิบัติตามสัญญา
•   ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

6.   

เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ได้แจ้งไว้ต่อท่าน ซึ่งท่านได้รับทราบ และให้ความยินยอม

•   การปฏิบัติตามสัญญา
•   ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งไว้ข้างต้น บริษัทจะดำเนินการแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านเป็นหนังสือ หรือด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์

3. วิธีเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

  • 3.1

    จากท่านโดยตรง เช่น เมื่อมีการดำเนินการใดๆ เพื่อเข้าทำสัญญาหรือทำสัญญาหรือธุรกรรมใดๆ กับบริษัท เช่น การติดต่อซื้อขายสินค้าหรือบริการ การทำสัญญาแฟรนไชส์ การทำสัญญาเช่าหรือเช่าช่วง การโต้ตอบทางอีเมล หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างบริษัทกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือได้รับจากข้อมูลการใช้เว็บไซต์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

  • 3.2

    จากบุคคลอื่น เช่น ข้อมูลจากผู้ให้การรับรอง ตัวแทน คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลภายนอกที่ให้บริการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นต้น

4. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ต่อและได้รับความยินยอมจากท่าน โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทในฐานะคู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามบริษัทมีสิทธิเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น หากเป็นไปเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่น

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  • 5.1.

    บริษัทจะใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและได้รับความยินยอมจากท่าน หรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือได้รับยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

  • 5.2.

    บริษัทมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่น ดังเช่น หน่วยงานและบุคคลต่อไปนี้

    1. 5.2.1.

      พนักงาน ลูกจ้าง กรรมการ ผู้จัดการ บุคลากรของบริษัท หรือ บริษัทในเครือ เฉพาะที่เกี่ยวข้อง และมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เท่านั้น

    2. 5.2.2.

      พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ตัวแทน ลูกค้า ผู้รับจ้างหรือผู้รับจ้างช่วง นายหน้าที่ทำงานหรือให้บริการแก่บริษัท รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ให้บริการ หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้ให้บริการพัฒนาปรับปรุงหรือดูแลรักษามาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยของระบบงานและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการรับชำระเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษา ผู้ให้บริการทางวิชาชีพ

    3. 5.2.3.

      หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หรือหน่วยงานที่ร้องขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย อาทิเช่น การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือการร้องขอที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น กระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท

  • 5.3.

    ในกรณีที่มีความจำเป็น บริษัทมีสิทธิส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลอื่นในต่างประเทศ โดยในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลในต่างประเทศดังกล่าวนั้น บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบให้แน่ใจว่า บุคคลดังกล่าวมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และ/หรือ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายไทยกำหนด

  • 5.4.

    บริษัทมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์ตามกฎหมาย คำสั่ง กฎ ข้อบังคับ หรือ คำสั่งศาล เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการปฏิบัติตามสัญญา ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมบริษัท หรือการขายกิจการ

6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิเกี่ยวกับการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

  • 6.1.

    สิทธิในการได้รับการแจ้งจากบริษัทให้ทราบถึงรายละเอียดในการเก็บรวบรวม ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  • 6.2.

    สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ท่านให้ความยินยอมไว้ โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบจากการเพิกถอนความยินยอมดังกล่าว ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนหน้าการเพิกถอน

  • 6.3.

    สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านซึ่งบริษัทเก็บรวบรวมไว้ รวมถึงการขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้ให้ความยินยอมไว้

  • 6.4.

    สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลใด

  • 6.5.

    สิทธิในการแจ้งให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้

  • 6.6.

    สิทธิในการระงับบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

  • 6.7.

    สิทธิในการให้บริษัทโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ซึ่งโดยสภาพสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ

  • 6.8.

    สิทธิในการคัดค้านบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  • 6.9.

    สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่บริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ข้างต้นโดยยื่นคำร้องขอผ่านช่องทางการติดต่อที่ได้ระบุไว้ในข้อ 10. ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวตามที่ได้ร้องขอ หากเป็นไปตามกฎหมายกำหนด

7. ผลการเพิกถอนความยินยอม
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรับทราบว่า ท่านมีสิทธิพิจารณาเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยิมยอมแก่บริษัทไว้ ทั้งนี้ ท่านยอมรับและรับทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนแล้ว

8. การคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งมาตรการในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกเปิดเผย และนำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ หรือ เข้าถึงโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พนักงานหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

9. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงประกาศ
บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขประกาศฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย  การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานราชการต่างๆ   โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงของประกาศให้ท่านทราบก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ( https://www.washxpressth.com/ )

10. ช่องทางการติดต่อ

บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด

ที่อยู่:          689 หมู่ที่ 10 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270

โทรศัพท์:     081-235-1148

โทรสาร:      –

อีเมล:         [email protected]

SHARE